วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557


                             
สิงคโปร์ขึ้น ชื่อว่าเป็นสีสันของทวีปเอเชีย เป็นปากอ่าวต้อนรับนักเดินทางจากตะวันตกสู่คาบทวีปตะวันออก เป็นเมืองที่มีความแตกต่างที่ลงตัวทั้งด้านวัฒนธรรม ความเชื่อ ศิลปะและเทคโนโลยี ประเทศบนเกาะเล็กๆ เกาะนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวแทบจะทุกมุม Skyscanner ได้รวบรวมข้อมูลของจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และเป็นที่นิยมในปีล่าสุดของสิงคโปร์ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใดกันบ้าง เรามาดูกันเลยดีกว่า

มาริน่า เบย์ (Marina Bay)

มาริน่า เบย์ (Marina Bay) สิงคโปร์
จุดท่องเที่ยวริมน้ำ ริมปากอ่าวของสิงคโปร์ เป็นที่ตั้งของร้านค้าหรูหรา ภัตตาคารห้าดาว ร้านสินค้าแบรนด์เนม โรงภาพยนตร์ โรงละครชั้นนำ และรีสอร์ท – คาสิโนชื่อดังระดับโลก มาริน่า เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sands) จุดปากอ่าวจุดนี้ ถือเป็นหัวใจหลักของเมืองและเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวในตัว เมืองจุดอื่นๆ และไม่ไกลจากชิงช้าสวรรค์ยักษ์ (Singapore Flyer) ที่ว่ากันว่าเป็นอีกฟากหนึ่งของ ลอนดอน อาย (The London Eye) ในฝั่งเอเชีย

มาริน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands)

มาริน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) สิงคโปร์
รีสอร์ทห้าดาวริมอ่าวแห่งนี้ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโครงการสร้างระดับชาติของสิงคโปร์เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีโรงแรมใหญ่ถึง 3 หลังเชื่อมต่อกัน ยังนับเป็นอภิมหาศูนย์รวมความบันเทิง เพราะมีทั้งคาสิโนระดับสากล สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ เดอะ แซนด์ส สกายพาร์ค (The Sands Sky Park) สระว่ายน้ำหรูกลางแจ้งที่สูงที่สุดของโลก โรงภาพยนตร์ โรงละคร ภัตตาคาร ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ร้านสินค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลก ลานสเก็ตน้ำแข็ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยศาสตร์ (Art Science Museum) แห่งแรกของโลก ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ที่หากคุณไปเยือนสิงคโปร์แล้วไม่น่าพลาด

คลาร์ก คีย์ (Clarke Quay)

คลาร์ก คีย์ (Clarke Quay) สิงคโปร์
เป็นแหล่ง “กิน – ดื่ม” ชั้นนำ พร้อมพรั่งไปด้วยร้านอาหารและผับขึ้นชื่อ ตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำของสิงคโปร์ ไม่ว่าคุณคิดจะไปชิมปูผัดพริกอันเลื่องชื่อ ไก่ทอดเจ้าอร่อย หรืออาหารเม็กซิกันเผ็ดร้อน และไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ร้านอาหารแถบนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง หรือหากคุณคิดจะนั่งจิบเบียร์เย็นฉ่ำฟังเพลงชิลๆ สารพัดผับที่จัดแบ่งตามแนวเพลงต่างๆ ก็มีอยู่มากมายเพื่อตอบรับทุกรสนิยมดนตรีของผู้มาเยือน

ออชาร์ด (Orchard)

ย่านออชาร์ด (Orchard) ที่ถนน Orchard สิงคโปร์
ถนนสายเกษตรกรรมที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยคราคร่ำไปด้วยสวนพริกไทยและ เครื่องเทศ แต่ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นถนนช้อปปิ้งเส้นหลักของเมืองสิงคโปร์ เส้นทาง 2.2 กิโลเมตร ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ไม่ว่าคุณกำลังมาตามหาหมูแผ่นอบน้ำผึ้งชั้นดีสูตรจีนโบราณ หรือแฟชั่นเสื้อผ้าฤดูกาลล่าสุด สารพัดร้านค้าบนถนนออชาร์ดนี้ มีให้คุณเลือกแวะชม และจับจ่ายได้อย่างเพลิดเพลินและไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

วัดศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple)

วัดศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple) สิงคโปร์
วัดฮินดูโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ตั้งอยู่ในไชน่าทาวน์ (China Town) หรือที่ชาวไทยเรานิยมเรียกจนติดปากกันว่า “วัดแขก สิงคโปร์” รอบๆ ตัวอาคารของวัดทั้งภายในและภายนอก จะมีปะติมากรรมรูปปั้นและรูปแกะสลักลงสีสันสดใสของเทพเจ้า เทพธิดา และสัตว์ร้ายในเทพนิยาย มีความเชื่อกันว่าหากคุณเดินตามเข็มนาฬิการอบพระอุโบสถวัดให้เป็นเลขคี่ คุณจะโชคดี และในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนของทุกปี จะมีประเพณีลุยไฟทิมิติ (Timiti) ถือเป็นเทศกาลสำคัญประจำปีของวัดนี้

วัดพระเขี้ยวแก้ว (Tooth Relic Buddha Temple)

วัดพระเขี้ยวแก้ว (Tooth Relic Buddha Temple) สิงคโปร์
วัดจีนศิลปกรรมสมัยราชวงศ์ถังผสมศิลปะมันดาลา (Mandala) หลังใหญ่โตอลังการ ตั้งตระหง่านอยู่ในไชน่าทาวน์ (China Town) ซึ่งอาคารชั้นบนสุดของวัดได้บรรจุพระสารีริกธาตุพระทนต์ของพระพุทธเจ้าไว้ใน สถูปทองคำหนักกว่า 320 กิโลกรัม ที่ได้มาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา นอกจากนี้ภายในวัดก็ยังมีพิพิธภัณฑสถานทางพุทธศาสนาขนาดย่อม ให้ผู้มาสักการะได้ศึกษา และเยี่ยมชมอีกด้วย

วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kwan Im Thong Hood Cho Temple)

วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kwan Im Thong Hood Cho Temple) สิงคโปร์
วัดเจ้าแม่กวนอิม ที่มีความเชื่อกันว่าหากไปขอพรแล้วจะสมหวัง จึงไม่น่าแปลกใจหากคุณจะเห็นฝูงชนมากมายต่อคิวเข้าไปสักการะขอพรในวัด และหากคุณเชื่อในเรื่องโชคลาง เซียมซีที่วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีความแม่นยำยิ่งนัก เนื่องด้วยจำนวนผู้คนที่มาสักการะเป็นจำนวนมาก จึงมีการห้ามถ่ายรูปภายในตัววัด และหากพนักงานของวัดมาเก็บธูปของคุณออกจากกระถางหลังจากคุณปักลงไป เพื่อให้ผู้มาสักการะคนถัดมามีที่ปักธูปได้ ก็อย่าไปโกรธเขาเลย

วัดเซียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple)

วัดเซียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple) สิงคโปร์
วัดเซียนฮกเก๋ง หรือวัดแห่งความสุขบนสรวงสวรรค์ สร้างขึ้นเพื่อถวายเทพธิดาแห่งท้องทะเล ที่เชื่อกันว่าช่วยคุ้มครองให้ผู้อพยพเดินทางมาถึงฝั่งเกาะสิงคโปร์ได้โดย ปลอดภัย เป็นวัดที่มีความวิจิตรงดงามมาก และขึ้นชื่อได้ว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดในสิงคโปร์ ความอัศจรรย์ใจอีกอย่างของวัดนี้ก็คือ โครงสร้างทั้งหมดของวัดถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว นอกจากนี้ยามคุณจะเดินเข้าภายในตัววัด จะต้องยกเท้าก้าวข้ามธรณีประตูซึ่งมีความสูงเป็นพิเศษ เชื่อกันว่าไว้ป้องกันภูติผีเข้ามาในวัด และเพื่อให้คนที่เข้ามาสักการะก้มหัวทำความเคารพก่อนเดินเข้าวัด

ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio)

ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) สิงคโปร์
สวนสนุกชื่อดังในเขตเซนโตซา (Sentosa) ถึงแม้ว่าจะเป็นสาขาของสวนสนุกระดับอินเตอร์เนชั่นแนลจากฝั่งอเมริกา แต่เครื่องเล่นในสวนสนุกจำนวน 18 ชนิดจากทั้งหมด 24 ชนิด ใน 7 โซนประเภทเครื่องเล่น ได้ถูกออกแบบและปรับแต่งให้เข้ากับอรรถรสของนักท่องเที่ยวท้องถิ่นและความ นิยมของชาวสิงคโปร์โดยเฉพาะ ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ แห่งนี้

พูเลา อูบิน (Pulau Ubin)

พูเลา อูบิน (Pulau Ubin) สิงคโปร์
หมู่บ้านชนบทขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสิงคโปร์ เป็นเมืองชาวเกาะเรียบง่ายที่ธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ที่สุดในสิงคโปร์ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศชีวิตเรียบง่าย และอาหารพื้นเมืองรสดั้งเดิม กิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ การขี่จักรยานชมทิวทัศน์รอบเมือง ที่มีทั้งฟาร์มกุ้ง ฟาร์มปลา ป่าโกงกาง สวนยางพารา และสวนมะพร้าว ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  และพักรบความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี



                                  
แม้สิงคโปร์จะมีที่เที่ยวใหม่ๆ หรือ Landmark ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในรอบหลายปีที่ผ่านมา หากก็ยังไม่มีที่ไหนสามารถทำลายความขลังของเจ้าสิงโตทะเลพ่นน้ำไปได้ ยังคงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยม เจ้า Merlion ที่ Merlion Park ไม่ขาดสาย กลายเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตที่ใครมาสิงคโปร์แล้วเป็นต้องแวะเวียนมาให้ได้
merlion-mix
ทำไมต้องเป็น Merlion
“Mer” แปลว่า “ทะเล” และ “lion” แปลว่า “สิงโต”
ครั้งหนึ่งในอดีตที่ตั้งของประเทศสิงคโปร์เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ว่า “Temasek” ในภาษาชวา แปลกว่า “เมืองแห่งทะเล” (Sea Town) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “Singapura” หรือ “เหมือนแห่งสิงโต” หลังจาก เจ้าชาย Sang Nila Utama จากปาเล็มบังในเกาะสุมาตรามาค้นพบเกาะแห่งนี้และเห็นสัตว์รูปร่างคล้ายสิงโต ยืนอยู่บนหน้าผาและมองลงมายังทะเล นับแต่นั้นที่ตรงนี้ก็ถูกเรียกว่า “เมืองแห่งสิงโต”
เจ้าสิงโตเลยกลายมาเป็น Merlion ที่มีหัวเป็นสิงโตและหางเป็นปลาเพื่อระลึกว่าครั้งหนึ่งเกาะ Temasek เป็นเพียงแค่ชุมชนชาวประมงเท่านั้น
แต่เดิม Merlion ถูกออกแบบให้เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวแห่งสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) ก่อนจะกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศในที่สุด
เกร็ดควรรู้เกี่ยวกับ Merlion
  • Merlion เป็นตัวผู้
    • Merlion เพิ่งฉลองอายุครบ 40 ปี ไปเมื่อวัน 15 กันยายน 2012 และเป็นครั้งแรกที่เจ้า Merlion ได้หยุดพักร้อนไม่ต้องทำงานพ่นน้ำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาซ่อมแซมขัดสีฉวีวรรณ หลังจากทำงานหนักมาตลอด 40 ปี
    • แต่เดิม Merlion ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ห่างจากจุดปัจจุบันไป 120 เมตร แต่หลังจากมีการสร้างสะพานเชื่อมไปยังฝั่ง Esplanade ทำให้บดบังทัศนียภาพของมัน รัฐบาลเลยตัดสินใจย้าย Merlion มายังด้านหน้าโรงแรม Fullerton ที่กลายมาเป็น Merlion Park ยื่นไปในอ่าวมารีน่า และมีฉากหลังเป็นตึกสูงในย่าน Raffles Places ทำให้ทุกวันนี้เราได้ถ่ายรูปคู่กับ Merlion พร้อมฉากหลังที่สวยงามของ City Skyline ของสิงคโปร์
    • ทั้งประเทศสิงคโปร์มี Merlion อยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ตัว แต่ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมีเพียง 3 ตัวเท่านั้น คือ ตัวที่อยู่ที่ Merlion Park ที่มีตัวลูกยืนอยู่ด้านหลัง และอีกตัวคือ Merlion ยักษ์ที่อยู่ที่เกาะเซ็นโตซ่า
3lions

วิธีเดินทางไป Merlion Park ด้วย MRT เพื่อดู Merlion
นั่งรถไฟ mrt สายสีแดง หรือ สีเขียว มาลงที่ สถานี Raffles Place แล้วเดินตามป้ายมายัง One Fullerton วิธีเดินมีสองทาง
  • เดินมายังโรงแรม Fullerton แล้วลงมาที่ทางเชื่อมใต้ดินเพื่อข้ามมายังฝั่ง One Fullerton ที่เป็นโซนร้านอาหาร ร้านกาแฟริมอ่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของ Merlion Park
  • เดินข้างๆ โรงแรม Fullerton มายังถนน Fullerton ผ่านหน้าโรงแรมไปยังถนนใต้สะพานเพื่อเดินลอดเชื่อมไปยัง Merlion ได้เลย ใครจะข้ามสีแยกไฟแดงด้านบนก็ไม่ว่ากัน




               
orchard
ใครๆ มาสิงคโปร์ก่อนจะกลับก็ต้องแวะมาเดินห้าง และช็อปปิ้งกันที่ถนนออร์ชาร์ด ถนนเส้นนี้เปรียบไปก็เหมือนเส้นสยามยาวไปถึงราชดำริ จะต่างหน่อยก็ตรงห้างของสิงคโปร์ขึ้นกันเป็นดอกเห็ดติดๆ กันไปทั้งถนน ยาวมาจากสี่แยกที่เป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Orchard MRT บนเส้นสีแดง ยาวมาถึงสถานี Dhoby Ghaut MRT

ionใคร ชอบของแบรนด์เนมหรูหราก็เริ่มกันที่ ห้าง ION ที่เปิดใหม่ล่าสุด ทำลึกลงไปใต้ดินถึงสี่ชั้นด้วยกัน ข้างในมีร้าน Sephora ขนาดใหญ่ ที่น่าเดินที่สุดเมื่อเทียบกับสาขาอื่น มี Uniqlo, H&M, Forever 21, Victoria Secret และแบรนด์ประจำอย่าง MNG, ZARA, Top Shop และ อื่นๆ ส่วนร้านแบรนด์พรีเมี่ยม เช่น พวก Gucci, Prada, LV ก็มีมาเปิดเหมือนกัน ใครหิวก็แวะทานข้าวที่ฟู้ดคอร์ทหรือร้านอาหารที่ชั้น B3 และ B4 ได้
จาก iON เราสามารถเดินตามทางเชื่อมผ่านเข้าไปในห้าง Wisma Atria ได้ ห้างนี้คนที่นี่เรียกกันสั้นๆ ว่า Wisma โดยที่ห้างนี้มีอิเซตันตั้งอยู่และร้านรวงก็จะออกแนววัยรุ่นนิดๆ มีร้านเครื่องสำอางเกาหลีทั้ง Etude and Skinfood โดยข้างบนสุดมี Food Republic ที่แต่งสไตล์โบราณดูสวยไปอีกแบบ หากชอบเทปังยากิ ร้านข้างบนนั้นถือว่าเด็ดสุดในเกาะก็ว่าได้ เนื่องจากคนเยอะ ของที่ใช้เลยสดมากเมื่อเทียบกับที่อื่น
Takashimaya
จาก Wisma เราสามารถเดินตามทางใต้ดินเชื่อมไป Takashimaya ได้ Takashimaya เป็นห้างหรูแรกๆ ที่มีร้านหนังสือ คิโนะคูนิยะ ขนาดใหญ่มากตั้งอยู่ข้างบน พร้อมร้านอาหารหรูหรามากมาย ห้างนี้ตัวตึกอาจจะดูโบราณสักนิด แต่โอ่โถงเดินสะดวก มีร้านเหมือนในอิออนทุกประการ ใครพลาดอะไรก็ตามมาเก็บตกได้ที่นี่
313
ออกจาก Takashimaya แล้วเปลี่ยนมาเดินบนฟุตบาลข้างถนนตรงไปเรื่อยๆ จะเจอตึก H&M เดินต่อไปจะถึงห้าง 313@Somerset ที่ตั้งคร่อมสถานีรถไฟใต้ดิน Somerset MRT ห้างนี้คนเยอะ ใครแวะมาให้ลงไปลองทานอาหารสวิชที่ Marche ด้านล้าง มีเมนู Rosti เลื่องชื่อ มีเครปฝรั่ง ซี่โครงแกะย่าง หรือจะสั่งขาหมูเยอรมันก็มี ใครไปรับรองติดใจในรสชาติทุกคน ร้านตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน แต่ทางเข้าอยู่ด้านบนติดกับร้าน Garrett Popcorn ด้านใน หากใครชอบซื้อของที่ Zara สาขา 313 ถือว่าจัดร้านน่าเดินช็อปที่สุด แถมคนไม่เยอะด้วย ไม่ต้องรอคิวลองเสื้อนานเหมือนสาขาอื่น ที่เด็ดสุดและห้ามพลาดคือร้าน Forever 21 ที่ใหญ่มากกินเนื้อที่ด้านหนึ่งของห้างไปหลายชั้นทีเดียว
orchardcentralใคร จะจบที่ห้างนี้ก็ได้ หรือจะเดินต่อไปที่ห้าง Orchard Central ก็ไม่ว่ากัน ห้างนี้จะเงียบๆ แต่ให้ไปดูวิธีสร้างของเขา เพราะมันงงๆ กับตึก 21 ชั้นที่แต่ละชั้นเชื่อมด้วยบันไดเลื่อนที่สร้างได้ปวดหัวดีแท้ หากเบื่อคนพลุกพล่านจากห้างอื่น แวะมากินข้าว หรือจิบชาที่นี่ก็ดีไม่น้อย
ส่วนสาวๆ ที่ตามล่ารองเท้าหรือกระเป๋า Charles and Keith ไม่ต้องห่วง ทุกห้างที่แนะนำมาข้างต้น มีร้าน C&K หมดทุกห้างเลยจ้า ซื้อแล้วซื้อได้อีกไปตลอดทาง





Changi สิงคโปร์



สุดยอดสนามบิน (เดลินิวส์)
            Priority Pass อาจเป็นชื่อที่คนทั่วไปยังไม่คุ้นหูมากนัก แต่สำหรับคนเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นประจำ น่าจะรู้จักคุ้นเคยอยู่บ้าง เพราะ Priority Pass คือผู้ให้บริการห้องรับรอง VIP สำหรับผู้โดยสารในสนามบินนานาชาติกว่า 300 เมือง ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก 
            เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Priority Pass เผยแพร่ผลสำรวจความเห็นสมาชิกที่เดินทางทางอากาศเป็นประจำ (เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 17 ครั้ง ต่อ ปี) พบว่า สนามบินนานาชาติ Changi ที่สิงคโปร์ ได้ตำแหน่งสนามบินที่ดีที่สุดในโลก และ สนามบิน Heathrow ที่ประเทศอังกฤษ เป็นสนามบินที่ห่วยที่สุด หรือคนเกลียดที่สุดในโลก..!

 
Changi สิงคโปร์


            และช่างเป็นเหตุบังเอิญอย่างที่สุดที่ คุณนายทอม ได้ไปเยือนสนามบินที่ห่วยที่สุด และดีที่สุด ภายในเวลาห่างกันเพียงสัปดาห์เดียว

            เข้าใจว่าเกณฑ์การตัดสินว่าสนามบินไหนดีไม่ดี อย่างไรนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องการอำนวยความสะดวกทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่เครื่องบินเข้าเทียบหลุมจอด การดูแลผู้โดยสาร สัมภาระ การตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงการเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง และเรื่องทั่ว ๆ ไป

Changi สิงคโปร์


            เช่นเดียวกับ ขาออก ก็มีตั้งแต่การเดินทางมาที่สนามบิน และขั้นตอนต่าง ๆ ที่สวนทางกับขาเข้า..

            ที่ Heathrow ถือว่า คุณนายทอม ไม่ได้ผ่านกระบวนการครบทุกขั้นตอน เพราะต้องต่อเที่ยวบินไปที่อื่น แต่ก็พอจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของผู้ที่เลือกให้สนามบินนานาชาติแห่งกรุง ลอนดอนนี้ แย่ที่สุดในโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน..!

            เส้นทางเดินจากเครื่องบินไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองวกวน เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา กลับหลังหัน ระวังตรง ตามระเบียบพัก ขึ้น ๆ ลง ๆ จนเวียนหัว ก่อนจะเจอแถวตรวจคนเข้าเมืองที่มีคนเข้าคิวรอ คดไปเคี้ยวมาราวกับงู..

            ผ่านมาได้ก็ต้องเดินลดเลี้ยวต่อไปอีก เพื่อจะต้องไปยืนรอรถบัส เพื่อข้ามไปอาคารผู้โดยสารในประเทศ..

Changi สิงคโปร์


            เสร็จแล้ว ก็ไปยืนสลึมสลือรอเข้าคิว (คดเคี้ยวอีกเหมือนกัน) เพื่อเอ็กซ์เรย์สัมภาระ ตรวจอาวุธ และถูกเจ้าหน้าที่ลูบไล้ร่างกายที่ปราศจากรองเท้าและเข็มขัด มีเพียงเสื้อผ้าห่อหุ้มอยู่บาง ๆ เท่านั้น..

            กว่าจะผ่านไปถึงประตูขึ้นเครื่องบินได้ เล่นเอาเพลีย..

            ยังดีที่กระเป๋าสัมภาระส่วนใหญ่นั้นส่งผ่านไปตามเส้นทางที่จะบินแล้ว เพราะได้ยินมาว่าระบบจัดการสัมภาระที่ Heathrow นี้ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่สนามบินแห่งนี้ติดอันดับบ๊วย..!

            แต่ความน่าประทับใจของ Heathrow ก็มีเหมือนกัน เพราะบรรดาเจ้าหน้าที่ในสนามบินดูจะอารมณ์ดี และเป็นกันเองกับทุกคน แม้จะต้องทำงานหนัก ให้บริการคนเดินทางจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครแสดงความหงุดหงิดออกมาให้เห็นเลยสักคนเดียว..

            ส่วนที่สิงคโปร์ พอไปถึงขาเข้าก็รู้สึกได้ว่า สนามบิน Changi ค่อนข้างสะดวกสบายมาก
            ระยะทางเดินจากหลุมจอด มาที่ด่าน ตม.ไม่ไกล แถวรอตรวจก็ไม่ยาวมาก กระเป๋าออกมาเร็ว เดินออกมาตรงที่จอดรถ ผ่านลิฟท์แออัดไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากนัก

            ความที่สิงคโปร์เป็นเกาะเล็ก ๆ สนามบิน Changi อยู่ห่างตัวเมืองเพียง 20 กิโลเมตร มีทั้งรถไฟฟ้า แท็กซี่ รถบัส ครบครัน

            สิงคโปร์พยายามโปรโมทตัวเองเป็นแดนสวรรค์สำหรับนักช็อป ซึ่งขาช็อปบางคนก็ยืนยันว่า เนี่ย.. ถูก ๆ ซื้อไปเลย ถูกกว่าบ้านเราเยอะ..

            แต่ก็มีเสียงค้านดังสวนมาว่า คิงเพาเวอร์ ถูกกว่านี้อีก..

            แถม คนไทยในสิงคโปร์บางคนยังบอกอีกว่า เดี๋ยวนี้ร้านค้าหลายแห่งในแดนลอดช่อง เอาของลดสเป็คมาลดราคา เป็นคนละเกรดกับสินค้าที่ขายราคาปกติ..

            อันนี้ ก็นานาจิตตัง นะจ๊ะ..

            ถึงเวลากลับบ้าน ต้องผ่าน Changi อีกรอบ เริ่มที่เคานท์เตอร์เช็คอินสะดวกสบาย แถวไหนคิวยาวหน่อย จะมีเจ้าหน้าที่มาพาไปเข้าช่องที่ว่างอยู่ ไม่ต้องสนใจว่าเป็นบัตรเงิน บัตรทอง ฝังเพชร หรือชั้นหนึ่ง ชั้นประหยัด ขออย่าให้ผู้โดยสารรอนานเป็นใช้ได้..

            การอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ดีเหมือนขาเข้า.. ใครจะช็อปปิ้งนาทีสุดท้าย เดินเล่น หาของกิน นั่งนวดผ่อนคลาย ก็ตามสะดวก สมเป็นสนามบินที่เขายกย่องเป็นอันดับหนึ่งจริง จริ๊ง...

            แต่แชมป์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน..

            Changi มีที่นั่งพักแบบไม่ต้องเสียสตางค์ หรือไม่ได้อยู่ในร้านอาหารน้อยมาก.. ขณะที่ร้านอาหารเองก็ค่อนข้างแออัด พลุกพล่าน

            ห้องน้ำบางจุดต้องเดินไกลพอสมควร และไม่อยากบอกเลยว่า มีกลิ่นไม่ค่อยดีแบบแอมโมเนียฉุน ๆ โชยมาอ่อน ๆ ด้วยนะตัวเอง..!

            ที่สร้างความหงุดหงิดมากที่สุด คือ ระบบการขอคืนภาษีให้นักท่องเที่ยว หรือ Tax refund ซึ่งบรรดานักช็อปที่ขนซื้อกันมาจนกระเป๋าแทบปริ ต้องไปเข้าคิวรอยาวเหยียด แล้วหลายคนก็ต้องพบกับความผิดหวัง หรือถอดใจไปเอง

            Tax refund ของสิงคโปร์เป็นเหมือนการโฆษณาชวนเชื่อให้คนช็อปปิ้งกันมาก ๆ แต่พยายามทำให้การขอคืนภาษียุ่งยากเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องคืนมากนัก..

            ย้อน กลับมาที่สุวรรณภูมิบ้านเรา ข่าวจาก Priority Pass ไม่ได้พูดถึง แต่จำได้ว่าเคยมีผลสำรวจชิ้นหนึ่งระบุว่า หลังเหตุการณ์ เล่นกีฬาสีปิดสนามบินเมื่อปลายปี 2551 สุวรรณภูมิกลายเป็นหนึ่งในสนามบินที่คนเดินทางเห็นว่า มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แย่ที่สุดในโลก..






ช้อปปิ้งที่ไชน่าทาวน์ (Chinatown)





สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด :
Outram Park (EW16) หรือ ไขน่าทาวน์ (NE4)

เบื้องหลังหมู่ตึกระฟ้าในย่านธุรกิจการเงินของสิงคโปร์คือไชน่าทาวน์ ศูนย์รวมทางวัฒนธรรมของผู้อพยพชาวจีน เป็นชุมทางของถนนหลายสาย ทั้ง Pickering Street, Cantonment Road, New Bridge Road และ South Bridge Road ถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน โยงใยเป็นโครงข่ายถนนแห่งสีสัน และมีบรรดาตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ขับเน้นให้โดดเด่นน่ามอง ที่นี่ พ่อค้าชาวจีนนิยมเปิดชั้นล่างของบ้านที่ยังอวลกลิ่นอายสมัยก่อนสงครามเป็น ที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งมีตั้งแต่ผ้าไหมในห่อประณีต เครื่องประดับทองคำ ไปจนถึงเสื้อยืดสไตล์สิงคโปร์ และสินค้าหัตถกรรมพื้นถิ่น



บรรยากาศในไชน่าทาวน์ไม่เหมือนที่ไหน ตามร้านขายยาแผนโบราณคุณจะได้สัมผัสกับการนำส่วนผสมแปลกๆ ทั้งหนังงู สมุนไพร เครื่องเทศ และอื่นๆ มาบดรวมกันแล้วต้มเป็นยาใช้รักษาอาการป่วยไข้ อาหารเลิศรสอาทิ ปลิงทะเลตากแห้งก็มีวางขายให้เห็นทั่วดาษดื่นตามท้องถนน ภาพของบรรดาคนขายผลไม้ที่นั่งยองๆ อยู่ใกล้กองเงาะ ทุเรียน มะม่วง และผลไม้ประจำฤดูกาลชนิดอื่นๆ ภาพหมอดู ที่นั่งจดจ่อมองดูมือของลูกค้าบนโต๊ะที่ถูกนำมาตั้งไว้พอเป็นพิธี หรือกระทั่งภาพของพ่อค้าที่กำลังแร่เนื้อหมูออกเป็นชิ้นบางๆ ก่อนนำมาย่างเพื่อขายให้คนผ่านไปมา
ที่ย่าน Tanjong Pagar คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของร้านน้ำชาโบราณ ไปดูคนทำว่าวและร้องเท้าไม้ เลือกชมหน้ากากหลากสี ซื้อหาร่มที่ทำจากกระดาษไข เครื่องเขินจากจีน สินค้าหัตถกรรม และภูมิปัญญาจากทั่วเอเชีย จากนั้นไปเยี่ยมละแวกถนน Smith Street, Trengganu Street, Temple Street และ Pagoda Street คุณจะพบว่าถนนแคบๆ เหล่านี้ช่างอื้ออึงไปด้วยบรรยากาศต่อรองซื้อขายสินค้า

โฉมหน้าใหม่ของการจับจ่ายซื้อขายสินค้าในย่านไชน่าทาวน์สามารถพบได้รายรอบ บริเวณสามแยกถนน Cross Street ,New Bridge Road และ Eu Tong Seng Street แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ในย่านนี้ อาทิ Chinatown point, Yue Hwa, People’s Park Complex และ Chinatown Complex ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมสินค้าชั้นดีจากจีน แต่ลูกค้ายังสามารถต่อรองได้ในราคาที่พึงพอใจไม่ว่าจะเป็นสินค้าอิเลกทรอนิก เครื่องใช้ไฟฟ้านานาชนิด กระเป๋าเดินทาง สิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และเครื่องสำอาง นอกจากนี้ สินค้าหัตถกรรมนานาชนิดก็มีให้เลือกมากมายในศูนย์สินค้าหัตถกรรมสิงคโปร์ที่ Chinatown Point



OG People's Park
100 Upper Cross Street OG Building
Singapore 050360 Tel: 65358888

สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: Chinatown (NE4) หรือ Outram Park (EW16)
เมื่อคุณได้สัมผัสกับย่านประวัติศาสตร์ไชน่าทาวน์ ไม่ควรพลาดแวะไปยังสถานที่สำคัญอย่าง OG People’s Park ที่อยู่เลยสถานี MRT ไชน่าทาวน์ไปนิดเดียว OG คือชื่อทีชาวสิงคโปร์รู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี OG เป็นร้านจำหน่ายสินค้าครัวเรือนแบบ one-stop สำหรับคนหนุ่มสาวและผู้ที่ทันสมัยอยู่เสมอ OG กลายเป็นความทันสมัยไม่ตกเทรนด์ ไม่ว่าเรื่องของแฟนชั่น เครื่องประดับเครื่องสำอาง นาฬิกา ของเล่น อาหารชั้นเลิศ เครื่องใช้ในบ้านหรืออะไรก็ตามแต่ เชิญสัมผัสกับความพึงใจอย่างที่สุดที่ OG



ข้อมูลท่องเที่ยวสิงคโปร์

 
   
ธงชาติประเทศสิงคโปร์
 
   
ตราสิงคโปร์
 
   
Vanda Miss Joaquim
ดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์
 
 
  ดอกไม้ประจำชาติของ สาธารณรัฐสิงคโปร์ คือ Vanda Miss Joaquim เป็นกล้วยไม้ในกลุ่ม แวนด้า
สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต
 
 
   
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (UNIVERSAL STUDIO)
ดินแดนมหาสนุก...ท่องโลกจินตนาการ มีเครื่องเล่นมากมายทั้งหมด 7 โซน
เปิดบริการ 09:00 – 18:00 (เล่นกี่รอบกี่
ได้ตามใจชอบ) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ในพื้นที่ 49 เอเคอร์ในเกาะเซ็นโตซ่า รายล้อมด้วยความเขียวชอุ่ม
ของทะเลสาบ มีรีสอร์ทห้องพัก 1,800 ห้องจากโรงแรมระดับหรู 6 ดาวที่หลากหลายรูปแบบ มีทั้งยังมี คาสิโน
เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งอยู่ที่โรงแรม Crockford Tower
1) Battlestar Galactica เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังการางคู่ที่สูงที่สุดในโลก
2) Far Far Away Castel ปราสาทแห่งวีระบุรุษ เชร็คและเจ้าหญิงฟิโอน่า
3) Madagascar A CrateAdventure เป็นการนั่งเรือผจญภัยชมสัตว์ต่างๆ เสมือนท่านกำลังอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Madagascar
4) Revenge of The Mummy ขุดหาสมบัติของฟาโรห์ และค้นหาปริศนาแห่งมัมมี่
5) Water World ชมการแสดงกิจกรรมผาดโผนต่างๆ จากภาพยนตร์ชื่อดัง แสดงจริง แสง สี เสียง จริง ท่านจะตื่นเต้นประทับใจไม่รู้ลืม
6) Jurassic Park Rapids Adventure ผจญภัยในดินแดนไดโนเสาร์, เหล่าสัตว์โลกล้านปี
7) Hollywood Boulevard สัมผัสโรงละครสไตล์บรอดเวย์ ฮอล ลีวู๊ด วอล์ออฟ เฟรม ศูนย์รวมแห่งความ บันเทิงของจักรวาลอย่างแท้จริง
(อาหารกลางวันอิสระเพื่อให้ท่านได้สนุกอย่างเต็มที่)
อาหารให้เลือกมากมาย กว่า 56 ร้าน หลากหลายสไตล์ ทั้งในส่วนของยูนิเวอร์แซล และในส่วนของ Festive Walk, New York Town, Food Court Center) หลังจากความสนุกสนานจบลงเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านเดินเล่นใน Festival Walk เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สนุกกับการ ช้อปปิ้ง สินค้ามากมาย เช่นตัวการ์ตูน ของฝากที่ระลึก
 
 
   
เกาะเซนโตซ่า
เกาะเซ็นโตซ่า(Sentosa)
เกาะแห่งความสนุกของการท่องเที่ยว เมื่อก่อน เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa) ชื่อว่าเกาะแห่งความตาย แต่เดิมเกาะแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของชาวประมง และต่อมาเกิดโรคระบาด คนบนเกาะจำนวนมากต้องเสียชีวิตลง จึงได้มีการตั้งชื่อเกาะตามภาษามาลายูว่า บลากัง มาติ (Balakang Mati) ซึ่งหมายถึงเกาะแห่งความตาย ต่อมาสมัยสงครามโลก อังกฤษได้เข้ามาทำเกาะนี้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันการโจมตีทางน้ำ เมื่ออังกฤษถอนทัพไปในปี 1968 รัฐบาลสิงคโปร์จึงได้ปรับปรุงเกาะให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเปลี่ยน ชื่อเกาะเป็นเซ็นโตซ่า (Sentosa) ซึ่งหมายถึงสันติภาพและความสงบสุข และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 1972 เป็นต้นมา
การเดินทางมาเกาะเซ็นโตซ่า จะสามารถเดินทางมาได้ทั้งหมด 3 ทาง คือ Sentosa Express (รถไฟ), Cable Car (กระเช้าลอยฟ้า) และ รถประจำทาง

การเดินทางโดย Sentosa Express จะใช้เวลาเดินทางเพียง 4 นาทีเท่านั้น โดยจะต้องไปซื้อบัตรรถไฟลอยฟ้าที่ห้าง Vivo City ชั้น 3 โดยให้บริการตั้งแต่ 7:00 - 24:00 น.ค่าโดยสารคนละ 3 SGD บัตรสามารถใช้ได้ทั้งขาไปและขากลับ และ เมื่อใช้เสร็จแล้วไม่ต้องคืน เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้เลย
เพียงแค่ 4 นาทีก็มาถึงเกาะเซ็นโตซ่าแล้ว เราสามารถเลือกลงได้ 2 สถานี คือ Imbiah station และ Beach station ซึ่งเราสามารถดูได้จากแผนที่ของเกาะเซ็นโตซ่าว่าเราต้องการไปเที่ยวจุดไหน ก่อน เราก็ลงที่สถานีใกล้ๆ กับจุดที่เราจะไป
 
 
   
เมอร์ไลออนหรือสิงโตทะเล
เมอร์ไลออน หรือ สิงโตทะเล
ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร (Singapore Tourism Board - STB) ในปี 1964 – รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ต่อมาไม่นานทั่วโลกก็ถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์
แต่เดิมรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่สวนสิงโตทะเล (Merlion Park) ข้างๆสะพานเอสพลาเนด (Esplanade Bridge) แม่สิงโตและลูกสิงโตได้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว มีการจัดพิธีติดตั้งสิงโตทะเลในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1972 โดยมีประธานในพิธีคือนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ณ เวลาดังกล่าว ซึ่งก็คือ นายลี กวน ยู
สิงโตตัวนี้สูง 8.6 เมตร มีน้ำหนัก 70 ตัน ทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ผู้เสียชีวิตไปแล้วที่ชื่อนายลิมนังเซ็ง ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดสูง 2 เมตรและหนัก 3 ตัน ก็ถูกสร้างขึ้นโดยนายลิมเช่นกัน ตัวสิงโตทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ ผิวหนังทำจากแผ่นกระเบื้อง และตาทำจากถ้วยชาสีแดงขนาดเล็ก
 
 
   
น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง
น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth)
ตำแหน่งของน้ำพุแห่งความ มั่งคั่ง ตั้งอยู่ตรงใจกลางระหว่างหมู่อาคาร Suntec City หรืออยู่ใจกลางฝ่ามือซึ่งหงายขึ้นนั่นเอง ก็เพราะมีความเชื่อว่าน้ำไหลของน้ำพุเปรียบเสมือนกับเงินทองที่ไหลเข้าฝ่า มือไม่หยุดหย่อนน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง(Fountain of Wealth)
เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำพุแห่งความมั่งคั่งสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2540(ค.ศ. 1997)และ Guinness Book ได้ทำการจดบันทึกสถิติไว้ในปี พ.ศ.2541 ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวน้ำพุทำเป็นสีบรอนซ์และประกอบด้วยวงแหวนกลมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 66 เมตร ความสูง 13 เมตร บริเวณฐานของน้ำพุมีพื้นที่ 1,683 ตารางเมตร นอกจากนี้ยีงมีการแสดงน้ำพุประกอบแสง สีเสียง 3D Laser ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมากใครที่มีโอกาสที่ได้เดินรอบฐานกลางของน้ำพุ สามครั้งและสัมผัสน้ำทุกครั้งก็จะรับความโชคดีและมีความมั่งคั่งในทรัพย์สิน ตามมา ขั้นตอนการสัมผัสน้ำจะต้องใช้มือขาวสัมผัสน้ำและอธิษฐาน จากนั้นเดินวนตามเข็มนาฬิกาให้ได้ 3 รอบ คำอธิษฐานก็จะเป็นผล อันนี้ฟังเขามา สำเร็จหรือไม่ลองพิสูจน์ดูนะค่ะ
สำหรับตารางเวลาในการแสดงเปิดให้เข้าชม
09:00 - 22:00 น.
แสดงเลเซอร์โชว์
20:00 น. ,20:30 น. ,21:00 น. (3 รอบเท่านั้น)
เปิดให้สัมผัสน้ำ
09:00 น. - 12:00 น.
14:30 น. - 18:00 น.
19:00 น. - 19:45 น.
21:30 น. - 22:00 น.
ด้วยสาเหตุนี้น้ำพุแห่งความมั่งคั่งจึงได้รับความนิยมและโด่งดังมาก จนมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกโดยเฉพาะชาวจีน ด้วยความเชื่อตามโหงวเฮ้งฮวงจุ้ย เพื่อความเป็นสิริมงคลจึงมีผู้คนมาเที่ยวชมกันล้นหลาม
 
 
   
มารีน่า เบย์ แซนด์
มารีน่า เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sand)
รีสอร์ทหรูใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์
   มารีน่า เบย์ แซนด์ส ประกอบไปด้วยห้องพักและห้องสูทกว่า 2,561 ห้อง อีกทั้งโรงแรมยังมีไฮไลท์ คือ The Sands SkyPark ตั้งอยู่ชั้นที่ 57 ของโรงแรม เป็นสถาปัตยกรรมรูปร่างคล้ายเรือตั้งอยู่บนอาคารทั้ง3 แซนด์ส สกาย พาร์คนี้ถือว่าเป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 12,400 ตร.ม. และจัดเป็นสวนลอยฟ้าที่มีความสูง 200 ม. ใช้หลักการเดียวกับวิศวกรรมสร้างสะพาน เชื่อมอาคารทั้ง 3 เข้ากัน ถือว่าเป็นสวนลอยบนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย มีความยาวกว่าความสูงของหอไอเฟลบนสวนได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่ 250 ต้น และไม้ประดับอีก 650 ต้น มีร้านอาหารที่หรูหรา รวมถึง The Sky on 57 ที่จะมีเชฟชื่อดังจากสิงคโปร์ เชฟ Justin Quekเป็นผู้ควบคุมดูแลร้านอาหาร มีดาดฟ้าที่งดงามให้นักท่องเที่ยวได้มองวิวสิงคโปร์ได้โดยรอบในมุมสูง และยังมีสระว่ายน้ำขนาด 150 ม. เป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งบนที่สูงที่ใหญ่สุดที่ในโลกอีกด้วย
 
 
   
ท่าเรือคลาร์ก (Clarke Quay)
ท่าเรือคลาร์ก (Clarke Quay)
ช้อปปิ้ง กินดื่ม แล้วสนุกที่ริมแม่น้ำสายนี้! จุดเด่นของที่นี่คือโกดังเก็บของที่ซ่อมแซมแล้วจำนวน 5 ช่วงตึก ท่าเรือคลาร์ก (Clarke) คือทางเลือกที่แหวกแนวไปจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วๆไป ที่นี่มีร้านขายของมือสองและของเก่า ตลาดนัดที่ขายของมือสองในวันอาทิตย์และร้านอาหารที่มีอาหารและเครื่องดื่ม ให้เลือกมากมาย ตกเย็นคุณก็ไปที่เธคและผับเพื่อสนุกกับเพลงมากมายตั้งแต่ยุคซิกตี้จนถึง ปัจจุบัน หรือจะหวาดเสียวไปกับรีเวอร์สบันจี้ G-Max ของเรา! ออกแบบและพัฒนาในนิวซีแลนด์เมื่อแปดปีที่แล้ว G-Max เป็นเครื่องเล่นแบบนี้อันแรกสุดของสิงคโปร์ วิธีการก็คือ คนสามคนจะนั่งอยู่ในแคปซูลเสริมเหล็กกล้าแบบเปิดโล่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ยึดติดกับสายรีเวอร์สบันจี้ที่ติดกับเสาสองต้น สายบันจี้ของเราผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกาแล้ว จากนั้นสายก็จะถูกดึงแล้วปล่อย ทำให้แคปซูลถูกดีดไปในอากาศสูงถึง 60 เมตรที่ความเร็ว 200 กม.ต่อชั่วโมง รอบหนึ่งจะเด้งอยู่ราว 5 นาที
ท่าเรือแห่งนี้ตั้ง ชื่อตามเซอร์ แอนดรูว์ คลาร์ก ผู้ว่าคนที่สองของสิงคโปร์ ท่าเรือ Clarke Quay แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าขายที่นี่เคยมีเรือท้องแบนจำนวนมหาศาลทำ การขนส่งสินค้าทวนน้ำไปที่โกดังสินค้า ใกล้ๆกับทางเข้าท่าเรือคลาร์กที่ถนนริเวอร์แวลเลย์ คุณจะเห็นโรงน้ำแข็งแวมโป (Whampoa's Ice House) ซึ่งเป็นของนายฮูอาเคย์ (Hoo Ah Kay) ผู้อพยพยุคแรกจากแวมโป ประเทศจีน เขาเป็นคนนำเข้าน้ำแข็งจากบอสตันในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะมีเครื่องทำน้ำแข็งในประเทศสิงคโปร์ คุณจะสังเกตเห็นว่าพ่อค้าชาวจีนและชาวยุโรปต่างก็นำรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของ ตนเข้าสู่บริเวณนี้ 
 
   
โรงละครเอสพลานาด
โรงละครเอสพลานาด (Esplanade)
โรงละครบนชายหาดเป็นหนึ่งในศูนย์แสดงศิลปะที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกแห่ง หนึ่ง เปิดตัวอย่าง เป็นทางการเมื่อ 12 ตุลาคม 2002 เดิมนั้นเปิดในปี 1943 โดยตั้งอยู่บนสวนซึ่งตอนนี้นั้นมี พื้นที่ 2.4 เฮคเตอร์ (ประมาณ 24,000 ตารางเมตร) ริมถนนคอนนอท (Connaught Drive) โดยตั้งอยู่ตรงข้ามซิตี้ ฮอลล์ (City Hall) ในปี 1985 รัฐบาลได้มีโครงการที่จะสร้างศูนย์แสดงศิลปะขึ้นในสิงคโปร์และลงความเห็นว่า เอสพลานาดนั้นเป็นสถานที่ที่เหมาะสม ที่สุด เอสพลานาดในรูปแบบเดิมจึงถูกปรับปรุงใหม่ในปี 1991 เพื่อความสวยงามของเขตซิวิค ดิสตริก (Civic District) และเพื่อเป็น ศูนย์แสดงศิลปะ ในปี 1992 ทีมงานสถาปนิกซึ่งประกอบด้วยบริษัท DP อาร์คิเทค (DP Architechs) (สิงคโปร์)และ ไมเคิล วิลฟอร์ด แอนด์ พาร์ทเนอร์ (Michael Wilford & Partners) (สหราชอาณาจักร) ได้ ถูกเลือกมาให้ออกแบบศูนย์นี้ เพื่อเป็นสัญลักษ์แห่งการเชื่อมต่ออัน ทรงคุณค่าระหว่างอดีตและปัจจุบัน
ศูนย์แสดงศิลปะแห่ง นี้จึงถูก เรียกว่าเอสพลานาด - โรงละครบนหาดทราย ในปัจจุบัน สัญลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบเหมือนหอยเชลล์สองตัวแห่งนี้นั้นตั้ง อยู่ในเขตซีวิค ดิสตริก(Civic District) ของสิงคโปร์ อยู่เคียงข้างกับอ่าวมาริน่า เบย์ที่ปากแม่น้ำสิงคโปร์ เอสพลานาดนั้นประกอบไปด้วยห้องแสดงขนาดใหญ่สองห้อง คือห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาด 2,000 ที่นั่ง และขนาด 1,600 ที่นั่ง และมีสตูดิโอขนาด เล็กอีกสองห้องทั้งในและนอกอาคารโดมที่เป็นโรงละครและห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาด ใหญ่ทั้งสองห้องนี้ถูกออก แบบมาให้สร้างขึ้นด้วยกระจกเพื่อสื่อถึงความรู้สึกแห่งความเปิดกว้าง เพื่อทำให้ศูนย์แห่งนี้เย็นสบายจากอากาศใน เขตร้อน ได้มีการติดตั้งแผ่นบังแดดที่ทำจากอลูมิเนียมและกระจกเคลือบสองชั้นเข้ากับ โครงหลังคาที่ทำจากเหล็ก ทำให้ศูนย์แห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นตัดกับ เส้นขอบฟ้าของสิงคโปร์เป็นอย่าง มาก เหล็กแหลมที่ปกคลุมศูนย์แห่งนี้ทำให้มันได้รับการเรียกขานตามชื่อของผลไม้ ยอดนิยมของสิงคโปร์ว่า เดอะ ดู เรียน (ทุเรียน)
 
ภาพความประทับใจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
 
 
   
ร่วมสนุกกับตัวการ์ตูน Walt Disney
เครื่องเล่นโซน Madagascar A CrateAdventure
ร่วมเก็บความประทับใจกับการ สัมผัสเป็นส่วนหนึ่งของตัวการ์ตูนโลกแห่งจินตนาการอย่างมีความสุข สนุกสนาน ผ่อนคลายเต็มที่ประหนึ่งกลับบมาเป็นเด็กอีกครั้ง
 
 
   
The Sand Sky Park
The Sand Sky Park
สัมผัสบรรยากาศคลาสสิค กับความหรูหราบนตึกสูงชั้นที่ 57 สระว่ายน้ำลอยฟ้าที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก
 
 
   
เครื่องเล่นระทึกใจ
เครืองเล่นโซนวัดใจ
Battlestar Galactica เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังการางคู่ที่สูงที่สุดในโลก
Revenge of The Mummy ขุดหาสมบัติของฟาโรห์ และค้นหาปริศนาแห่งมัมมี่

หากท่านใดได้สัมผัสกับเครืองเล่น สองสิ่งนี้ถือได้ว่าท่านเป็นผู้ที่มีความกล้า เพราะเครื่องเล่นทั้งสองโซนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย
หวาดเสียว ตื่นเต้น ทุกวินาที ถือได้ว่าไม่ควรพลาดเครืองเล่นสองสิ่งนี้
 
อาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์
 
 
 
   
ข้าวมันไก่สิงคโปร์
อาหรขึ้นชื่อ ข้าวมันไก่ สิงคโปร์ ที่ไม่เหมือนใคร
อาหารที่ขึ้นชื่อของสิงคโปร์ คงไม่พ้น ข้าวมันไก่ สิงคโปร์ ที่เสริฟเป็นอาหารจานแยก เนื้อไก่สุดนุ่ม ผสมกับน้ำจิ้มรสเด็ด หากท่านมาเยือนสิงคโปร์แล้วไม่ควรพลาดที่จะหารับประทาน
ร้านขึ้นชื่อที่ได้รับความนิยมว่าถ้ามาแล้วต้องไปพิสูจน์ความอร่อย คือ ร้านบุญท่องกี่ (BOON TONGKEE)
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีเมนูเด็ดอื่นๆอีก เช่น บักคุดเท (บักกุ๊ดเต๋), ปูผัดพริกไทยดำ,
โรตีพราตา, สาเทย์ (หมูหรือไก่สะเต๊ะ) เป็นต้น
 
ข้อมูลทั่วไป
  สิงคโปร์ตั้งอยู่กลางสี่แยกของโลกทำเลอันยอด เยี่ยมนี้ทำให้สิงคโปร์เติบโตจนเป็นศูนย์กลางการค้าการสื่อสารและการท่อง เที่ยวสำคัญของโลกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของที่นี่คือ 136.8 กม.เหนือเส้นศูนย์สูตรโดยตั้งอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 103 องศา 38 ลิปดาตะวันออกกับเส้นแวงที่ 104 องศา 06 ลิปดาตะวันออกเกาะแห่งนี้เชื่อมต่อกับมาเลเซียด้วยสะพานข้ามทะเลสองสายคุณ สามารถเดินทางจากที่นี่ไปเกาะหลักของหมู่เกาะเรียว(Riau) ประเทศอินโดนีเซียได้โดยเรือข้ามฟากเป็นระยะทางสั้นๆหรือจะขึ้นเครื่องบิน เพียงครู่เดียวก็ถึงประเทศไทยและฟิลิปปินส์แล้ว สิงคโปร์มีสนามบินหนึ่งแห่งที่ให้บริการแก่สายการบินมากกว่า 69สายที่นี่คือประตูสู่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ประชากรของสิงคโปร์มีจำนวนเกือบ 4 ล้านคน ประกอบด้วยคนจีน 77% มาเลย์ 14% อินเดีย 8% และอีก 1% เป็นลูกครึ่งยุโรปเอเชียและเผ่าพันธุ์อื่นๆผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมของที่นี่ คือชาวประมงเชื้อสายมาเลย์ แต่หลังจากที่เซอร์สแตมฟอร์ดแรฟเฟิลมาที่นี่และมีการสร้างสถานีค้าขายของ อังกฤษสิงคโปร์ก็กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้อพยพและพ่อค้ามากมายพวกเขาเหล่า นั้นเสาะหาชีวิตที่ดีกว่าให้กับตนเองและครอบครัว คนเหล่านี้เดินทางมาจากทางตอนใต้ของจีน อินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน ลังกา และตะวันออกกลาง ถึงแม้ว่าจะมีการแต่งงานระหว่างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นตลอดทั้งปีแต่กลุ่มเชื้อ ชาติในสิงคโปร์ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอาไว้ในขณะเดียว กันก็พัฒนาไปในฐานะส่วนประกอบหนึ่งของชุมชนสิงคโปร์สิงคโปร์ประกอบด้วยเกาะ หลักหนึ่งเกาะ และเกาะขนาดจิ๋วล้อมรอบอีก 63 เกาะ เกาะหลักมีเนื้อที่พื้นดินรวม 682 ตารางกิโลเมตรอย่างไรก็ตามขนาดอันเล็กกะทัดรัดนี้กลับสวนทางกับการเติบโตทาง เศรษฐกิจ ในช่วงเวลาเพียง 150 ปี สิงคโปร์ก็เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง บทบาทในอดีตในฐานะจุดพักสินค้านั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีฐานการผลิตแบบอุตสาหกรรมในประเทศของตนแล้ว สิงคโปร์เป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก มีบริษัทเดินเรือกว่า 600 รายส่งเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์ เรือบรรทุกตู้สินค้า และเรือโดยสารประเภทต่างๆมาเพื่อแบ่งปันการใช้น่านน้ำอันวุ่นวายแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเรือหาปลาตามชายฝั่งและเรือท้องแบนที่ทำจากไม้อีกด้วย สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการกระจายและกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเป็นผู้นำด้านการต่อ เรือและการซ่อมเรือ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย ที่นี่มีธนาคารมากกว่า 130 แห่งการเจรจาทางธุรกิจจะดำเนินไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยเครือข่ายการสื่อ สารที่ยอดเยี่ยมของสิงคโปร์ ที่เชื่อมต่อประเทศนี้เข้ากับโลกส่วนที่เหลือผ่านทางดาวเทียมพร้อมด้วยระบบ โทรเลขและโทรศัพท์ตลอด 24ชั่วโมง ทำเลทางยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์สถานที่และอุปกรณ์อันยอดเยี่ยม ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่งและสถานที่ท่องเที่ยวสิ่งเหล่านี้ล้วนมี ส่วนช่วยให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำทั้งในด้านธุรกิจและความ บันเทิง
ประวัติศาสตร์
สิงคโปร์เป็นที่รู้จักกันครั้งแรก ในสมัยศตวรรษที่ 3 ของชาวจีน พวกเขาเรียกสิงคโปร์ว่า "พู เลา ชุง" (เกาะปลายคาบสมุทร") ณ เวลานั้นไม่ค่อยมีใครทราบประวัติของเกาะแห่งนี้มากนัก แต่ว่าชื่อเรียกนี้ไม่สื่อให้เราเห็นอดีตอันมีสีสันของสิงคโปร์เลย ในศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัย (Sri Vijayan Empire) และรู้จักกันในชื่อของเทมาเซ็ค (เมืองแห่งทะเล) สิงคโปร์ตั้งอยู่ตรงปลายแหลมมลายู ซึ่งเป็นจุดนัดพบทางธรรมชาติของเส้นทางเดินเรือ เกาะแห่งนี้จึงกลายเป็นจุดแวะพักของเรือเดินสมุทรหลายประเภท ตั้งแต่เรือสำเภาจีน เรืออินเดีย เรือใบอาหรับ และเรือรบของโปรตุเกส ไปจนถึงเรือใบบูจินีส ในศตวรรษที่ 14 เกาะที่มีขนาดเล็กแต่มีทำเลที่เยี่ยมแห่งนี้ก็ได้ชื่อใหม่ นั่นก็คือ "สิงหปุระ" ("เมืองสิงโต") ตามตำนานเล่าว่า เจ้าชายแห่งศรีวิชัยมองเห็นสัตว์ตัวหนึ่งแต่เข้าใจผิดว่าเป็นสิงโต ชื่ออันปัจจุบันของสิงคโปร์ก็ถือกำเนิดขึ้น ชาวอังกฤษคือผู้สร้างประวัติศาสตร์ตอนต่อมาของสิงคโปร์ ระหว่างศตวรรษที่ 18 นั้น อังกฤษเล็งเห็นถึงความสำคัญของ "จุดแวะพัก" ทางยุทธศาสตร์ สำหรับซ่อม เติมเสบียง และคุ้มกันกองทัพเรือของอาณาจักรที่เติบใหญ่ของตน รวมถึงเพื่อขัดขวางการรุกคืบของชาวฮอลแลนด์ในภูมิภาคนี้ ตรงกันข้ามกับเบื้องหลังทางการเมืองที่กล่าวมา เซอร์สแตมฟอร์ด แรฟเฟิล กลับตั้งสิงคโปร์ให้เป็นสถานีการค้า นโยบายการค้าเสรีดึงดูดพ่อค้าจากทั่วทุกส่วนของเอเชียและจากที่ห่างไกลออกไป เช่น สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง ในปี ค.ศ.1824 เพียงแค่ห้าปีหลังจากตั้งประเทศสิงคโปร์ในปัจจุบัน ประชากรก็เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 150 คนจนกลายเป็น 10,000 คน ในปี 1832 สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางรัฐบาลของถิ่นฐานช่องแคบปีนัง มะละกา และสิงคโปร์ การเปิดคลองซุเอซในปี 1869 และการเข้ามาของเครื่องโทรเลขและเรือกลไฟทำให้ความสำคัญของสิงคโปร์เพิ่ม ขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่กำลังขยายตัวระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก สิงคโปร์เคยเป็นที่ทำสงครามในศตวรรษที่ 14เมื่อเข้าเกี่ยวพันกับการแย่งชิงแหลมมลายูระหว่างประเทศสยาม (ไทย)กับจักรวรรดิมัชปาหิตบนเกาะชวาอีกห้าศตวรรษ ถัดมา ที่นี่ก็เกิดสงครามครั้งสำคัญขึ้นอีกครั้งในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ สอง เคยถือกันว่าสิงคโปร์เป็นป้อมปราการที่ไม่มีวันแตก แต่แล้วกองทัพญี่ปุ่นก็สามารถยึดครองเกาะแห่งนี้ได้ในปี 1942หลังสงครามสิงคโปร์ก็กลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การเติบโตของลัทธิชาตินิยมทำให้สิงคโปร์มีรัฐบาลปกครองตนเองในปี1959แล้ววัน ที่ 9สิงหาคม1965สิงคโปร์ก็กลายเป็นสาธารณรัฐอิสระ
วัฒนธรรมและประชากร
 
จากการที่มีประชากรหลายเชื้อชาติ สิงคโปร์จึงมีผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ คือ พระพุทธศาสนา ศาสนาฮินดู คริสต์ศาสนา
และลัทธิเต๋าประชากรหนาแน่นสุดในภูมิภาค และเป็นประเทศเล็กที่สุดในภูมิภาค เป็นประเทศที่หนาแน่นเป็นอันดับ 2
ของโลก มีจำนวนประชากรประมาณ 4.24 ล้านคน (2547)
ประกอบด้วยชาวจีน (76.5%)
ชาวมาเลย์ (13.8%)
ชาวอินเดีย (8.1%)
และอื่น ๆ (1.6%)
นอกจากนี้สิงคโปร์ยังเป็นประเทศในเอเชียที่มีการวางแผนครอบครัวได้ดีมาก จนทำให้จำนวนประชากรลดลง
และก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต
ศาสนา
 
ศาสนาที่ประชาชนนับถือมีทั้ง ศาสนาพุทธ,ขงจื้อ,เต๋า,อิสลาม,คริสเตียนและฮินดู ไม่มีศาสนาประจำชาติของ สิงคโปร์อย่างไรก็ตาม   ผู้คนในสิงคโปร์มีอิสระในการนับถือศาสนาที่กลาวมาแล้ว ก็ยังมีศาสนาอื่นๆ ที่เป็นกลุ่มเล็กอีกด้วย ได้แก่ ซิกซ์, ยิว ในบรรดาตึกเก่า ๆ ในสิงคโปร์ก็จะรวมไปถึง สุเหล่า, โบสถ์ และวัดต่าง ๆด้วย ในปี1990มีการเก็บสถิตปรากฎว่าประชากรที่อายุ10ปีขึ้นไปจะนับถือศาสนา พุทธและเต๋ามากโดยในจำนวนนี้จะเป็นคนจีนเสียส่วนใหญ่ และอาจมีการผสมผสานในความเชื่อของศาสนา แต่ละแห่งเข้าไปด้วย มีประมาณ 15 เปอร์เซนต์นับถือศาสนาอิสลาม 13 เปอร์เซนต์นับถือศาสนาคริสต์เตียน และ 4 เปอร์เซนต์นับถือศาสนาฮินดู ซึ่งในจำนวนนี้เกือบทั้งหมดเป็นชาวอินเดีย
สภาพภูมิอากาศ

ประเทศสิงคโปร์มีสภาพภูมิอากาศคง ที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอและมีฝนตกชุก สิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสภาพภูมิอากาศแบบป่าเขตร้อน ไม่มีการแบ่งฤดูเหมือนประเทศอื่นๆมีการแบ่งเป็น ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว ด้วยความที่สิงคโปร์มีภูมิอากาศที่คงที่ จึงเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวตลอดปี โดยอุณหภูมิ จะอยู่ระหว่าง 22 ถึง 34 องศาเซลเซียสค่าความชื้นโดยเฉลี่ยนอยู่ที่ 85% - 90% ในช่วงเช้า และ 55%-60% ในช่วงเที่ยง หากมีฝนตกชุกมาก ค่าความชื้นอาจสูงได้ถึง 100% ช่วงกลางปี ในเดือนมิถุนายน และ กรกฎาคม จัดเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด และ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เป็นช่วงฤดูมรสุม ซึ่งวัดจากพื้นดินที่ชุ่มชื้นและค่าความชื้นสูง อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้ คือ 19.4องศาเซลเซียส และมากที่สุด คือ 35.8องศาเซลเซียส ประเทศสิงคโปร์ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ภูมิอากาศมีความคงที่อยู่ตลอดปี สภาพภูมิอากาศมักมีส่วนสำคัญเวลานักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปท่องเที่ยวในที่ ใดๆ และสิงคโปร์ดูจะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ดีที่สุด บางคนไม่ชอบอากาศชื้นในเดือน พฤศจิกายน และธันวาคม แต่ 10เดือนที่เหลือก็ยังมีสภาพอากาศที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวได้ สวนพฤกษศาสตร์ที่นี่ได้รับการดูแลอย่างดี เป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เอง ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆปรารถนาจะมาท่องเที่ยวที่สิงคโปร์อย่างน้อย สักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่นี่เป็นเกาะที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ตอบสนองความต้องการของทุกคน การบริการ และความเป็นมิตรของชาวสิงคโปร์ ทำให้การมาท่องเที่ยวที่นี่มีคุณค่าอย่างแท้จริง ในขณะที่กระแสโลกาภิวัฒน์ได้เกิดขึ้นในโลก และประเทศต่างๆเริ่มกลายเป็นเป็นประเทศอุตสาหกรรม และวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆเริ่มเสื่อมถอยลง
ภาษา
  ภาษาทางราชการ คือ ภาษามาเลย์ จีนกลาง ทมิฬ และอังกฤษ สิงคโปร์ส่งเสริมให้ประชาชนพูด 2 ภาษา โดยเฉพาะจีนกลาง ในขณะที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการติดต่องานและในชีวิตประจำวัน
สกุลเงิน
  สกุลดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 24.6483 บาท (มิถุนายน 2554) เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และออสเตรเลีย สกุลเงินเยนและปอนด์อังกฤษ ก็เป็นที่ยอมรับตามห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแห่ง แลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากธนาคารและโรงแรมแล้ว สามารถแลกเงินได้ตามร้านค้าที่มีเครื่องหมาย “Licensed Money Changer”24.6483บาท/1 ดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/1.23 ดอลลาร์สิงคโปร์ (มิถุนายน 2554)
เวลา
  เวลาเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง (อย่าลืมปรับนาฬิกาของท่านเมื่อถึงสิงคโปร์)
สิ่งที่ควรทำ-ไม่ควรทำ
  1.ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถ เดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) และสามารถพำนักอยู่ได้ 14 วันการพำนักเกินระยะเวลาที่กำหนดถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน เฆี่ยน 3 ที ปรับสูงสุด 6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และห้ามเข้าสิงคโปร์
2.ผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ควรถือหนังสือเดินทางที่มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือนก่อนวันหมดอายุ
3.ผู้ประสงค์จะเข้าไปทำงานในสิงคโปร์ ควรตรวจสอบข้อมูลกับ กระทรวงแรงงานฯ ของไทยเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงการทำงานโดยไม่ได้ขออนุญาตทำงานจากทางการ สิงคโปร์จะถูกดำเนินคดี (ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการขออนุญาตทางการ
4.การหลบหนีเข้าสิงคโปร์และประกอบอาชีพเร่ขายบริการผิดกฎหมาย จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
5.การลักลอบนำยาเสพติด อาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ จะได้รับโทษอย่างรุนแรงขั้นประหารชีวิต
6.สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น กฎจราจร การข้ามถนน การทิ้งขยะ การสูบบุหรี่
7.น้ำ ประปาสิงคโปร์นั้นปลอดภัยและสามารถดื่มได้จากก๊อกโดยตรง แต่อย่างไรก็ดีน้ำดื่มและน้ำแร่บรรจุขวดก็สามารถหาซื้อได้จากซูเปอร์ มาร์เก็ต ร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อ
8.ผู้ที่เดินทางเข้าสิงคโปร์ ที่ต้องการพกพาเครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย เช่น ไดร์เป่าผม  อย่าลืมนะว่า ต้องนำปลั๊กต่อมาด้วย เนื่องจากที่สิงคโปร์ใช้เต้าเสียบแบบ 3 ขา สำหรับกระแสไฟนั้นเท่ากัน คือ 220 โวลต์ ซึ่ง สามารถหาซื้อปลั๊กต่อแปลงจาก 2 ขา เป็น 3 ขา ได้ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือตามห้างสรรพสินค้า
9.การ เสพยาเสพติดเป็นเรื่องร้ายแรงมากในสิงคโปร์ถึงขั้นประหารชีวิต การลักลอบนำเข้าสารเสพติดประเภทกล่อมประสาทและหลอนประสาทถูกห้ามอย่างเด็ด ขาด แต่หากมียาประจำตัวที่มีส่วนผสมของสารเหล่านี้ จะต้องมีใบรับรองแพทย์กำกับมาด้วย
10.ห้ามทิ้งเศษขยะลงพื้น ฝ่าฝืนครั้งแรกถูกปรับ S$1,000 ครั้งต่อไป S$2,000 และต้องทำความสะอาดในที่สาธารณะด้วย กฎหมายนี้รวมถึงการห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งด้วย ดังนั้นจึง ไม่ควรนำหมากฝรั่งไปที่สิงคโปร์
11.สิงคโปร์ ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เช่น รถโดยสารสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด ลิฟท์ โรงละคร โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารติดเครื่องปรับอากาศ ร้านเสริมสวย ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ราชการ หากฝ่าฝืนจะโดนปรับ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
12.การถ่มน้ำลายในที่สาธารณะก็มีความผิด
สิงคโปร์ยังมีความสนุก สถานที่ท่องเที่ยว นวัตกรรมใหม่ๆที่น่าสนใจอีกมากมาย อัพเดทนิวส์กับเจ้าภาพได้ที่ www.visitsingapore.com
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น